นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งในงานพบปะนักธุรกิจไทย-จีน โดยมีนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนเข้าร่วมรับฟังกว่า 200 คน ว่า ในช่วงการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค2022รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำ หรือแกนกลางของอาเซียน เพื่อให้ชาติมหาอำนาจ โดยเฉพาะจีนมองเห็นถึงความสำคัญ
ขณะที่การประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพนั้น สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาถือว่าเป็นพระเอก จากคำกล่าวในฐานะประธานผู้จัดประชุมสุดยอดอาเซียนตอนหนึ่งว่า “อนุภูมิภาคนี้ มันมาถึงทางแยกที่มาพบกับสิ่งที่ไม่แน่นอนเท่าที่เคยมีมา ชีวิตคนนับเป็นล้านๆ คน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของคนภูมิภาคนี้” ซึ่งประโยคนี้ไม่ควรจะเป็นฮุน เซน เป็นคนกล่าว และตามด้วยการประชุมจี20 ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 65 ที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย เดินทางไปเจอประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีจีน แปลว่าอินโดนีเซียทำการบ้านมาแล้วเพื่อหาวิธีเพื่อทำการทูตเพื่อแก้ปัญหาคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“ในช่วงการประชุมเอเปค 2022 กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องคิดและมีแมสเสจให้นายกรัฐมนตรีเพื่อสื่อสารและส่งสัญญาณออกไปว่าไทยจะไม่ตกรุ่น ถ้าไทยไม่คิด ไคลแมกซ์ทุกอย่างจะไปอยู่ที่ประชุมสุดยอดจี20 ซึ่งจัดขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย แล้วการประชุมเอเปค 2022 ที่ไทยจะกลายเป็นที่กินข้าวเย็นของผู้นำเท่านั้น”
นายสมคิด กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา 10-20 ปี ก่อน ไทย และสิงคโปร์ ถือเป็น 2 ชาติ ที่เป็นผู้นำอาเซียนในสายตาของโลก แต่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นอินโดนีเซีย และเวียดนามกำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และจะขึ้นมาเป็นผู้นำอาเซียนแทน ดังนั้นถ้าหากประเทศไทยไม่ทำอะไร จะทำให้ไทยหลุดจากแกนนำ และแกนกลางของอาเซียน และในอนาคตจะไม่มีความหมายในสายตาของชาติมหาอำนาจอย่างจีน และสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยต้องสร้างความสมดุลด้านความสัมพันธ์ระหว่างชาติมหาอำนาจของโลก เพราะปัจจุบันไทยมีไพ่ 3 ใบ ที่ต้องสร้างสมดุลและผูกความสำคัญให้กระชับทั้ง 3 ชาติ คือ ด้านเศรษฐกิจ กับประเทศญี่ปุ่น ด้านการเมือง กับสหรัฐอเมริกา และด้านการสร้างอนาคต กับจีน โดยจำเป็นต้องผูกเอาไว้ แต่หากต้องเลือกข้างก็ควรใช้กรอบความเป็นอาเซียนเป็นมติแทน
ทั้งนี้ยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน มีความสำคัญอย่างยิ่งกับอนาคตของไทย ซึ่งไทยควรทำตัวให้ดึงดูดว่ามีอะไรดี เพราะถ้าไม่สร้างอนาคตไทยอาจจะหายไปจากสายตาของชาติมหาอำนาจของโลก โดยเฉพาะจีนที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจของโลกใหม่ เทียบเคียงสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่ไทยจำเป็นต้องกระชับความสัมพันธ์กับจีนเอาไว้ คือ ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ไม่ให้บกพร่อง และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งปัจจุบันไทย-จีน อยู่ในจุดที่ดีที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ, การสานต่อ วันเบลต์ วันโรด หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางให้แล้วเสร็จ โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคม, การกลับมาฟื้นการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ให้กลับมาอย่างแข็งแรง เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือรับอนาคต โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่เน้นเทคโนโลยี.